Review สอบ MU-ELT (รอบวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2563)
สวัสดีค่าาา เจ้าของบล็อกชื่อเนอร์สนะคะ กำลังศึกษาอยู่ชั้นปี 1 คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปกติเนอร์สจะชอบรีวิวหนังสือภาษาอังกฤษลงบล็อก แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปค่ะ ในบล็อกนี้เนอร์สจะมารีวิวการสอบวัดระดับการใช้ภาษาอังกฤษซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยมหิดล หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อว่าการสอบ 'MU-ELT' ค่ะ
เนอร์สมีโอกาสสอบ MU-ELT เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2563 เวลา 09.30 - 11.30 น. ค่ะ หลังสอบ 10 วัน ตอนนี้คะแนนก็ออกมาให้ชื่นชมเป็นที่เรียบร้อยแล้ววว
เนอร์สได้ 127/150 ค่ะ ผ่านแล้วววว ไม่ต้องไปสอบอีกแล้ว เย้!
เนอร์สจะบอกคะแนนในแต่ละพาร์ทของตัวเอง รวมถึงรีวิวแนวข้อสอบและแนะนำแนวทางการเตรียมตัวเท่าที่จำได้นะคะ💗
Listening Part: 63/75
ส่วนตัวแล้ว เนอร์สคิดว่าพาร์ทฟังมีระดับความยากปานกลางนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนฝึกมามากแค่ไหนด้วย คำศัพท์ในบทสนทนาไม่ค่อยยากมาก เป็นศัพท์ทั่วไปที่นักเรียน/นักศึกษาน่าจะเคยสัมผัสผ่านหูผ่านตามาบ้าง เช่น ศัพท์เกี่ยวกับการเรียน ส่งงาน นัดหมาย จองร้านอาหาร ถามเส้นทาง เป็นต้น
Question&Response: เนอร์สว่าส่วนนี้ง่ายสุดในพาร์ทฟังแล้ววว จะมีเสียงเจ้าของภาษามาให้ฟัง 2-3 ประโยค มีทั้งประโยคคำถามและประโยคบอกเล่า หน้าที่ของเราคือเลือกประโยคตอบกลับที่เหมาะสมค่ะ เนอร์สว่า Choice ก็ช่วยพอสมควรนะ ใช้ศัพท์ไม่ยาก แล้วก็ไม่ค่อยมีตัวเลือกที่ชวนสับสนเท่าไหร่
Short Conversation: เป็นบทสนทนาสั้นๆ แบบถามมาตอบไปค่ะ เช่น นาย ก. ถามคำถาม แล้วนาย ข. ตอบ แค่นั้นเลยค่ะ โจทย์จะถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน คำศัพท์ยังคงไม่ยากมาก แต่ตัวเนอร์สเริ่มมีปัญหาเรื่องเวลาค่ะ เนอร์สรู้สึกว่าข้อสอบเขาออกแบบให้เป็น Speed Test ด้วยนะ ต้องฟังเข้าใจแล้วตอบได้ทันทีถึงจะฝนทัน
Long Conversation: เป็นบทสนทนาที่ยาวขึ้นเล็กน้อยค่ะ มีการพูดคุยโต้ตอบกันไปมาหลายประโยค คล้ายกับสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น ยังคงเป็นหัวข้อใกล้ตัวเช่นเดิม แต่ปัญหาคือความเยอะค่ะ เพราะคำถามไม่ได้มีแค่ 1 ข้อต่อ 1 บทสนทนาแล้ว แต่เป็น 3-5 ข้อต่อ 1 บทสนทนาแทน คราวนี้ต้องทั้งฟัง ทำความเข้าใจ จำรายละเอียด อ่านโจทย์ อ่านตัวเลือก แล้วประมวลคำตอบ ขั้นตอนเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ
Talks: จะมีเสียงพูดบรรยายให้เราฟังค่ะ คล้ายกับ Ted Talk เนื้อหาไม่ใช่เรื่องที่ยากหรือวิชาการจ๋า แต่เป็นเรื่องธรรมดา เช่น การโฆษณา ประกาศ ประชาสัมพันธ์ ครูสอนนักเรียน เป็นต้น ความยากเหมือนใน Long Conversation ค่ะ คือ 1 บทสนทนา มีคำถาม 3-5 ข้อ นอกจากเราต้องทำความเข้าใจสิ่งที่ได้ยินแล้ว ยังต้องพยายามจำรายละเอียดสำคัญต่างๆ อีกด้วย เพื่อให้สามารถตอบคำถามได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์
Reading Part: 64/75
เนอร์สคิดว่าโครงสร้างข้อสอบ MU-ELT แปลกตรงนี้แหละค่ะ ไม่แยกพาร์ท Reading, Vocabulary และ Grammar ออกจากกัน แต่เอา 3 หัวข้อนี้มารวมกันเป็นพาร์ท Reading แทน กลายเป็นว่าใน Reading 1 Part จะมีอีก 3 พาร์ทย่อยด้วยกันค่ะ ได้แก่
Vocabulary: สำหรับเนอร์ส เนอร์สว่าพาร์ทนี้ยากสุดแล้วค่ะ คงเป็นเพราะ Vocabulary เป็นสิ่งที่แทบเดาไม่ได้เลย มีแค่รู้กับไม่รู้เท่านั้น ถ้าแปลโจทย์ได้ ประกอบกับรู้ความหมายของตัวเลือก แค่เลือกคำตอบที่ถูกต้องเหมาะสมไปเติมก็ได้คะแนนแล้วค่ะ แต่ปัญหาจะเกิดตอนไม่รู้นี่แหละ เนอร์สว่าเราต้องรู้คำแปลตัวเลือกอย่างน้อย 3 ใน 4 ข้อเลยนะ ถึงจะเลือก Choice ที่ถูกไปตอบได้ พอรู้ความหมายตัวเลือกไม่ครบแล้ว ส่วนใหญ่ก็ทำได้แค่ตัด Choice ที่พอรู้ แล้วเดาข้อที่ชอบเอาค่า T^T
ถ้าใครอยากเก็บคะแนนพาร์ทนี้ก็ท่องศัพท์ไปเยอะๆ นะคะ คำศัพท์มีตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงยากเลยค่ะ
Grammar: ไม่ยากมากนะคะ เนอร์สว่าง่ายกว่าใน O-NET กับ 9 วิชาสามัญอีก ถ้าเป็นเรื่อง Tense ก็ออกแค่ Tense ที่เราเคยเจอบ่อยๆ เช่น Present simple, present continuous, present perfect, past simple, past continuous, past perfect, future simple, future continuous ประมาณนี้ค่ะ
ประกอบกับออกพวกคำเชื่อมที่แสดงความสอดคล้องกัน (and, or,...) ความขัดแย้ง (but, however, on the other hand, although, ...) เพิ่มข้อมูล (moreover, in addition,...) เป็นต้น
Subject-Verb Agreement ก็มีหลายข้อนะคะ จะมีประโยคมาให้เราเลือกเติมกริยาที่เหมาะสมค่ะ ต้องดูความหมาย ดู Tense และสุดท้าย อย่าลืมดูนะคะว่าต้องผันตามประธานไหม ต้องแม่นในเรื่องของคำนามนับได้/นับไม่ได้พอสมควร ดูว่าคำนามนั้นเติม s,es ได้ไหม เพราะมันส่งผลต่อการเลือกใช้ verb เต็มๆ เลย
Short Reading: เนอร์สว่า Reading เป็นพาร์ทที่ง่ายสุดในข้อสอบเลยยย Short Reading มีความยาวประมาณ 1 Paragraph เองค่ะ แถมเนื้อหายังใกล้ตัวและไม่ค่อยยากด้วย คำถามไม่ซับซ้อน ตัวเลือกก็ไม่ค่อยหลอกให้สับสน
Long Reading: พาร์ทนี้ก็ง่ายค่ะ ถึงแม้จะเป็น Long Reading แต่บทความที่นำมาออกข้อสอบยังสั้นกว่าใน GAT ENG และ 9 วิชาสามัญเยอะเลยย ปกติบทความใน GAT ENG และ 9 วิชาฯ จะยาวประมาณ 1 หน้ากระดาษ A4 บางเรื่องยาว 1 หน้ากว่าๆ เลย แต่ของ MU-ELT ยาวแค่ประมาณครึ่งหน้ากระดาษเองค่ะ เนื้อหาก็เป็นเรื่องใกล้ตัวเหมือนเดิมเลย คำศัพท์และคำถามก็ไม่ได้ยากมากนัก
My Personal Techniques 📝
เนอร์สแนะนำให้ทุกคนไปติวกับโครงการ MU-ELT Preparation ที่จัดโดยคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเลยค่ะ เนอร์สได้มีโอกาสไปติวมาเมื่อวันที่ 8-11 กรกฏาคม 2562 ไปครบทั้ง 3 วันเลยนะ อยากแนะนำให้ทุกคนลองไปติว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็อย่าขาดนะคะ ไปให้ครบ อย่าไปเช้าโดดบ่ายเลย เสียดายชีทและความตั้งใจที่อาจารย์เตรียมมาสอนนะ ไม่มีการแจกไฟล์นะคะ อาจารย์จะแจกชีทเป็นรอบเช้าและรอบบ่าย เนอร์สว่าอาจารย์แต่ละท่านสอนดีและตรงกับข้อสอบจริงค่อนข้างมาก ใกล้ของจริงทุกพาร์ท ย้ำว่าทุกพาร์ทค่ะ ยกเว้น Vocabulary เพราะต้องใช้ศัพท์ที่เราไม่เคยเห็นมาออกข้อสอบเนอะ ถ้าเอาจากข้อสอบจริงมาคงกลายเป็นการบอกข้อสอบแทน 😂
เนอร์สไม่แน่ใจว่าปีนี้มีการจัดติวช่วงไหนบ้าง ทุกคนลองติดตามข่าวสารในเว็บไซต์หรือเพจเฟซบุ๊คของคณะศิลปศาสตร์ มหิดลดูนะคะ น่าจะมีการประชาสัมพันธ์เรื่อยๆ เนอร์สว่าคุ้มค่าแก่การไปติวนะ เพราะนอกจากไปติวให้ครบทุกวัน+เอาชีทกลับมาอ่านทวน เนอร์สก็ไม่ได้ไปเรียนหรือไปอ่านเสริมจากที่ไหนเลยค่ะ
อีกเทคนิคนึงคือ เข้าไปฝึกทำข้อสอบพาร์ท Vocabulary & Grammar ใน course MU-ELT Eltrivia บนเว็บไซต์ https://mux.mahidol.ac.th ค่ะ เนอร์สเพิ่งรู้ว่ามีคอร์สดีๆ แบบนี้ด้วย เสียดายมากกก เนอร์สรู้ก่อนสอบไม่กี่วันเอง เลยเข้าไปทำพาร์ท Grammar ได้แค่ประมาณ 20 ข้อ แล้วเจอในข้อสอบจริงข้อนึงด้วยนะคะ แบบฝึกหัดมีทั้งหมด 2,000 กว่าข้อ ใครอยากฝึกก่อนสอบเชิญได้เลยค่าาา
!WARNING!
สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในการทำข้อสอบคือการมีสตินะคะทุกคนน ต้องมีสติมากๆ นะ พยายามอย่าเหม่อ อย่าหลุด โดยเฉพาะพาร์ทฟัง ฟังได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นถ้าฟังข้อไหนไม่ทันจริงๆ เนอร์สแนะนำให้ปล่อยข้อนั้นไปเลยค่ะ อย่ามัวแต่นั่งคิด เพราะมีเวลาให้ฝนคำตอบน้อยมากกก เผลอแป๊บเดียวเริ่มอ่านข้อใหม่แล้ว ถ้าเรามัวแต่นั่งจมกับข้อเก่า ก็จะไม่ได้ฟังข้อใหม่ แล้วมันจะทับถมไปเรื่อยๆ นะ ยอมเสียไปคะแนนเดียวแล้วมาตั้งสติกับข้อใหม่ดีกว่า
สำหรับใครที่มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีอยู่แล้ว เนอร์สแนะนำให้ทำคะแนนสูงๆ ทะลุ 130+++ ไปเลยนะคะ เนอร์สเชื่อว่าทุกคนทำได้ถ้าเตรียมตัวดีและฝึกฝนมากพอ ความจริงตัวเนอร์สแอบหวัง 130 คะแนนขึ้นด้วย แต่ขอสารภาพบาปตรงนี้ว่าหลังจากไปติวเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมแล้ว เนอร์สก็ไม่ได้ทวนเลยค่ะ เพิ่งกลับมาทวน มาฝึกอีกครั้งไม่กี่วันก่อนสอบเอง น่าตีเนอะ แง อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ ฝึกเยอะๆ อย่างสม่ำเสมอน้าา สู้เขาเราทำได้!
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ 💕
ปล. ใครอยากอ่านรีวิวหนังสือภาษาอังกฤษ เชิญทางนี้ได้เลยนะคะ 💛
👇
All the Books I've Read Before
👏🏻👍🏻
ตอบลบได้คะแนนดีมากเลยค่ะ สุดยอดจริงๆ😲👍🏻👏🏻
ตอบลบขนาดไม่ได้ทบทวนมากนะคะยังได้127 ถ้าทบทวนมากกว่านี้อาจจะได้ 140 อัพหรือไม่ก็เต็มเลยแน่ค่ะ
ตอบลบขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆนะครับ 👍
ตอบลบด้วยความยินดีเลยค่ะ หวังว่าจะช่วยอะไรได้บ้างนะคะ 😊🙌💖
ลบสวัสดีคะ อยากสอบถามว่ามีหนังสือแนะนำไหมคะ พอดีว่าสนใจที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ที่มหาลัยมหิดลค่ะ ^^ (ถ้าตอบกลับจะดีใจมากเลยค่ะ)
ตอบลบขอโทษจริงๆนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะไม่ตอบเลยค่ะ แต่ว่าช่วงทีเรียนติดต่อกันยุ่งมากจนลืมเข้ามาเช็คที่บล็อคนี้เลยค่ะ เพิ่งมีโอกาสเข้ามาเช็ควันนี้นี่เอง คิดว่าตอนนี้คุณน่าจะสอบเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว T--T แต่หากยังมีสิ่งไหนอยากให้แนะนำ สามารถตอบกลับได้เลยนะคะ
ลบสวัสดีค่ะ ถ้าอยากฝึกทำข้อสอบMU-ELT Eltrivia ปีนี้สามารถได้มั้ยคะ
ตอบลบสวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าได้สอบไปเรียบร้อยหรือยังคะ? ช่วงที่ผ่านมายุ่งกับการเรียนจนลืมเข้ามาเช็คที่บล็อคเลยค่ะ ทำให้เพิ่งเห็นคำถามนี้ ต้องขอภัยด้วยจริงๆนะคะ
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณมากๆๆนะ กำลังจะไปสอบ https://www.chulatutor.com/mu-elt/
ตอบลบยินดีมากๆเลยค่ะ ดีใจที่ล็อคนี้เป็นประโยชน์และหวังว่าคุณจะได้คะแนนถึงตามเกณฑ์ที่ต้องการนะคะ ^ ^
ลบReading อยากทราบความยาวและยากเท่า toeic ไหมครับ ห่วง reading มากถ้า ศัพท์ที่ไม่ชินก็จะช้าหน่อย
ตอบลบ