English Book Review10: One of Us is Lying
รีวิวหนังสือ: บอกแล้วไง ว่าไม่ได้ฆ่า
สวัสดีค่าทุกคนนน เนอร์สหายไปนานมากเลยย เนอร์สรีวิวหนังสืออังกฤษเล่มล่าสุดเมื่อ 14 มกราปีที่แล้วแหนะ เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ค่ะ ตอนนี้เนอร์สเรียนปีสองแล้ว ชีวิตยุ่งมากๆเลยค่ะ ประกอบกับได้ลองทำอะไรใหม่หลายอย่าง กลับมาเป็นติ่ง เรียนภาษาเกาหลี วาดรูป ระบายสี ลืมการอ่านหนังสืออังกฤษไปเลยย เพิ่งได้กลับมาอ่านอีกครั้งในวันหยุดช่วงปลายปีที่ผ่านมานี่แหละค่ะ
เล่มนี้จะเป็นยังไง ไปดูกันเลยยยย
Title: One of Us is Lying
ชื่อไทย: บอกแล้วไง ว่าไม่ได้ฆ่า
Author: Karen M. McManus
Category: Young adult fiction, mystery, contemporary fiction
Pages: 360
Price: ฿315.-
Store: ร้าน Asia books @The Mall Bang Kae
Rate / คะแนนเนื้อหา: 8 / 10
Reason:
โดยรวมแล้วเป็นหนังสือที่น่าสนใจและสนุกทีเดียวค่ะ พล็อตโดยย่อคือ นักเรียน high-school 5 คนถูกกักบริเวณพร้อมกัน ได้แก่ Bronwyn เด็กสาวที่เรียนเก่งอันดับต้นๆ ของโรงเรียน, Cooper หนุ่มนักกีฬาสุดหล่อแสนเพอร์เฟ็กต์, Nate หนุ่มลุคแบดบอย ผู้มีประวัติที่ไม่ดีนัก, Addy สาวหน้าสวย โปรไฟล์ดีประจำโรงเรียน และ Simon เด็กหนุ่มเจ้าของบล็อค gossip ที่คอยแฉความลับของผู้คนในโรงเรียน Simon เสียชีวิตขณะถูกกักบริเวณอยู่ภายในห้องเดียวกันกับเพื่อนอีก 4 คน ใช่ค่ะ ทุกคนมีความลับ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนกล้าทำอะไรได้บ้าง เพื่อที่จะปกปิดมัน
อันดับแรกเลยคงต้องชมพล็อต โครงเรื่องน่าสนใจมากๆ ค่ะสำหรับเนอร์ส เอาเป็นว่าพลิกหลังเล่มอ่านแล้วหยิบเลย 5555 พอได้เปิดอ่านจริงๆ ก็ไม่ผิดหวังค่ะ เดินเรื่องเร็วมากในช่วงแรก มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น การเล่าเรื่องเป็นแบบสลับระหว่างตัวหลักทั้ง 4 คน Bronwyn, Nate, Cooper และ Addy
ช่วงสืบสวนหลัง Simon ตายเป็นช่วงที่สนุกและน่าลุ้นมากๆ มีรายละเอียดและเหตุการณ์หลายอย่างเลยที่เซอร์ไพรส์คนอ่าน บางอย่างก็พอเดาได้ เป็นเหมือนนิยายวัยรุ่นทั่วไป แต่บางจุดก็ทำให้เซอร์ไพรส์ได้จริงๆ ค่ะ ช่วงกลางเรื่องความเข้มข้นอาจดร็อปลงไปบ้าง เฉื่อยๆ นิดนึง แต่ก็ไม่ได้เนือยขนาดทำให้ต้องวางหรือเลิกอ่านค่ะ
พอมาถึงช่วงไตรมาสสุดท้าย เนอร์สว่าคงเป็นช่วงที่น่าติดตามที่สุดของเล่มนี้แล้ว เมื่อมีหนึ่งในนักเรียนที่เป็นผู้ต้องสงสัยถูกจับจริงจัง คนที่เหลือจึงต้องรวมตัวกันสืบแทนตำรวจที่ดูจะปักใจเชื่อไปแล้วว่าเด็กคนนั้นทำจริงๆ ช่วงหาความจริงสนุกมากค่ะ เหมือนเราค่อยๆ ได้รู้ความจริงไปพร้อมกับตัวละคร คุณนักเขียนก็มีชั้นเชิง ไม่ยอมเฉลยง่ายๆ ค่อยๆ ให้รายละเอียดเพิ่มมาทีละนิด จนถึงจุดที่เนอร์สเดาได้ว่าสุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้น
บทสรุปของเรื่องนี้ก็ทำเนอร์สอึ้งไม่เบาเหมือนกันนะคะ ถูกหลอกให้เคว้งมาตลอดทั้งเรื่อง แต่สำหรับเนอร์ส เหตุผลหรือตรรกะของตัวละครหลายคนยังดูไม่ค่อย make sense เท่าไหร่ เป็นเหตุผลที่เนอร์สให้คะแนน 8/10 ด้วย เพราะรู้สึกว่าหลายจุดยังอ่านแล้วตะขิดตะขวงใจอยู่ ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของตัวละครหลายๆคน ในหลายๆฉาก
Characters ของตัวละครก็หลากหลายดีค่ะ รวมถึงมีการนำเสนอความสัมพันธ์หลายๆ แบบด้วย ทั้งคนรัก เพื่อน friends-to-lovers พี่น้อง พ่อแม่ ย่าหลาน เก็บครบเลยค่ะ รวมถึงประเด็นอ่อนไหวต่างๆ ของวัยรุ่นด้วย เช่น ความกดดันจากครอบครัวว่าต้องทำเกรดให้ดี ต้องเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นให้ได้ ความคาดหวังจากพ่อที่อยากให้ลูกเป็นแบบที่ตัวเองต้องการ อยากให้ลูกทำแทนในสิ่งที่ตัวเองเคยทำไม่ได้ การค้นพบว่าตัวเองเป็นเพศที่สาม การสับสนในความรู้สึก เป็นต้น
แต่ถ้าไม่คิดมาก แล้วมองในแง่ที่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดกับเด็กในวัย 16-17 ปี แต่ละคนยังไม่เป็นผู้ใหญ่ ยังไม่มีความคิดความอ่านที่สมบูรณ์ จะทำอะไรหลายอย่างที่มันดูไม่มีวุฒิภาวะก็ไม่แปลก และถ้าเรามองภาพรวม มองหลายๆ อย่างประกอบกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนหนึ่งคนสะสมมาเป็นเวลานาน พร้อมปัจจัยหลายๆ อย่างย่อมส่งผลให้คนๆ นึงทำสิ่งที่เกินความคาดหมายได้เหมือนกัน
ก่อนจบรีวิว ขอฝากประโยคนึงเหมือนเดิมได้มั้ยคะ ;^;
'In the world where you can be anything, please be kind. And don't forget to treat people with kindness.' 💘
My Favourite Moment: Addy, Wednesday October 3, 7:50 a.m., Chapter 11, Page 129
'I can't stand being here. All my friends hate me.'
'Screw them.' TJ gives me a lopsided grin. 'If they're still being assholes tomorrow, come sit with me. They wanna talk, let's give them something to talk about.'
It shouldn't make me smile, but it almost does.
คะแนนความยากของภาษาที่ใช้: 5 / 10
Reason:
คำศัพท์ในเรื่องค่อนข้างยากอยู่นะคะ เปิดมาช่วงแรกก็มีแต่คำยากๆ เลย ส่วนใหญ่จะเป็นศัพท์วัยรุ่น ศัพท์แสลงต่างๆ ที่เด็ก American น่าจะใช้กันจริงๆ ใน High-school อาจทำให้รู้สึกเบื่อได้ค่ะ ถ้าเจอคำยากแล้วแปลไม่ออกเยอะๆ แต่ยิ่งอ่านไป สำหรับเนอร์สศัพท์ยิ่งง่ายขึ้นนะคะ ไม่ค่อยยากแล้ว อาจจะยังมีแสลงหรือสำนวนบ้าง แต่ก็อ่านเข้าใจค่ะ เพราะโครงสร้างประโยคไม่ได้ซับซ้อนเท่าไรนัก
ถ้าให้ประมาณระดับภาษาก็คงเหมาะกับผู้อ่านระดับ Intermediate หรือ Upper-Intermediate ขึ้นไป ตัวอย่างศัพท์ยาก เช่น omniscient, sanctimonious, deviate, complacency, imperceptible, gourmet, rhetorical, notorius, ravenous, meddler, concussion เป็นต้นค่ะ
สุดท้ายก็ขอขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะคะที่กดเข้ามาอ่าน หวังว่ารีวิวฉบับนี้จะทำให้ทุกคนสนใจและมีประโยชน์แก่ทุกคนไม่มากก็น้อยนะคะ มีหนังสือเล่มไหนอยากแนะนำ หรือมีความคิดเห็นอะไรอยากบอกกัน คอมเม้นได้เลยนะคะ เนอร์สรออ่านอยู่นะ ไว้เจอกันอีกครั้งเมื่อเนอร์สอ่านเล่มถัดไปจบนะคะ สวัสดีค่าาา 💗