วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2561

English Book Review6: The Boy in the Striped Pyjamas

English Book Review6: The Boy in the Striped Pyjamas

รีวิวหนังสือ: เด็กชายในชุดนอนลายทาง


      สวัสดีค่ะทุกคนนน เนอร์สกลับมาแล้วค่า ในโพสต์นี้เนอร์สจะมารีวิวหนังสือที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อผ่านหูผ่านตามาบ้างจากการถูกสร้างเป็นภาพยนตร์นะคะ 
       มาดูข้อมูลเบื้องต้นของหนังสือเล่มนี้กันก่อนเลยยยยย


Title:           The Boys in the Striped Pyjamas
ชื่อไทย:        เด็กชายในชุดนอนลายทาง
Author:      John Boyne
Category:   Vintage/Classics/Drama
Pages:         223
Price:          ฿325.-
Store:          บูธ Asia Books @งานหนังสือ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์




Rate / คะแนนเนื้อหา : 9 / 10
Reason: *ส่วนที่เป็นสีแดงมีสปอยล์นะคะ*


       ขอเล่าเรื่องย่อๆ ก่อนเลยนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า บรูโน่ เด็กชายวัย 8 ขวบต้องย้ายบ้านกะทันหัน จากที่เคยอยู่กลางเมืองใหญ่กลับต้องไปอยู่ในย่านชนบท เนื่องจากพ่อของน้องซึ่งเป็นทหารนาซีถูกย้ายให้ไปคอยคุมค่ายกักกันเชลยชาวยิวที่อยู่แถบชานเมืองค่ะ แน่นอนว่าหนูน้อยวัย 8 ขวบไม่ได้ตระหนักเลยว่าขณะนี้ทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติสงคราม น้องได้ไปเจอกับ ชามูแอล เด็กชายในชุดนอนลายทางที่อาศัยอยู่ในค่ายกักกันโดยบังเอิญ และกลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเวลาไม่นาน

       ถ้าจะชมอะไรในเรื่องนี้ (ซึ่งความจริงมีหลายจุดที่อยากจะชมมากๆ) จุดแรกที่เนอร์สขอชมคงจะเป็นตัวผู้เขียนค่ะ คุณจอห์นเก่งมากกกกกก มากถึงมากที่สุดเลยค่ะในเรื่องของการบรรยาย การบรรยายให้เรารู้สึกสะเทือนใจตามนี่ทำได้ดีมากเลยค่ะ บางฉากอ่านแล้วรู้สึกหดหู่ ใจหาย แต่สิ่งที่ทำให้เนอร์สรู้สึกว่าคุณจอห์นพิเศษกว่านักเขียนท่านอื่น ก็ตรงที่เขาสามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งเรื่องผ่านมุมมองของเด็กชายวัย 8 ขวบได้อย่างสมบูรณ์แบบนี่แหละค่ะ

      เนอร์สชื่นชมตรงจุดนี้จริงๆ เพราะไม่เคยอ่านหนังสือที่เล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของเด็กมาก่อน และยิ่งเล่มนี้เป็นเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว เนอร์สว่ามันยากมากๆ ที่จะถ่ายทอดทุกอย่างออกมาผ่านสายตาเด็กให้ผู้อ่านทุกคนเข้าใจ แต่คุณจอห์นทำออกมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะ

       หนังสือไม่ได้ปล่อยความรู้สึกมืดมนตลอดทั้งเล่มนะคะ บางบทก็มีฉากน่ารักๆ ของบรูโน่ที่ทำให้เนอร์สยิ้มตาม อย่างตอนที่น้องถามความคิดเห็นจากแม่บ้าน เพราะคิดว่าเธอเป็นส่วนนึงของครอบครัวนี่ก็น่ารักมากๆ เลยค่ะ แม่บ้านที่เครียดๆ อยู่ยังแอบยิ้มเลย คนอ่านก็ยิ้มตามเหมือนกัน หลายๆ ฉากที่ได้ไปเที่ยวเล่นกับชามูแอล ได้อ่านบทสนทนาที่เด็กๆ เขาคุยกัน ก็ให้ความรู็สึกสดใสมากๆ เลยค่ะ สื่อถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กได้ดี 

       ถ้ามองในแง่ของการบอกเล่าประวัติศาสตร์ เนอร์สก็ไม่มีอะไรจะติค่ะ คิดว่าทำได้ดีแล้ว ไม่มีตอนไหนเลยที่ผู้เขียนบอกชื่อของหัวหน้าพรรคนาซี หรือ "อดอล์ฟ ฮิตเลอร์" ออกมาตรงๆ แต่อ่านจากลักษณะที่บรูโน่บรรยาย ท่าทางที่ทำ ชื่อภรรยา ก็เดาได้ไม่ยากเลยค่ะ การบรรยายลักษณะค่ายกักกัน การแต่งกายของเชลยชาวยิว การโดนทารุณ โดนทำร้าย โดนฆ่าอย่างไร้ความเมตตา ถ่ายทอดออกมาได้สะเทือนใจที่สุดเลยค่ะ

      ส่วนที่หักไป 1 คะแนน จะเป็นเรื่องของตอนจบเลยค่ะ โดยส่วนตัวเนอร์สคิดว่ามันควรไปได้สุดมากกว่านี้ สะเทือนใจเรียกน้ำตาได้มากกว่านี้ ดาร์กได้อีกค่ะ เพราะตอนดูหนังนี่เนอร์สร้องไห้เลยค่ะ พอมาอ่านหนังสือก็คือเหมือนทำใจรอแล้วค่ะ แต่ปรากฎว่าพออ่านจบแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเวลากำลังโดนคลื่นซัดใส่แล้วเราหลับตาตั้งรับเต็มที่ แต่ปรากฎว่าพอลืมตามาแล้วดันไม่มีอะไรเกิดขึ้น แบบนั้นเลยค่ะ55555

      แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเฉยจนไม่รู้สึกอะไรเลยนะคะ ก็ยังหดหู่ค่ะ แค่น้อยกว่าที่คาดเอาไว้ คนเขียนเข้าใจเล่นกับความรู้สึกของผู้อ่าน โดยการเขียนให้บรูโน่มองโลกทุกอย่างในมุมมองของเด็กชายน่ารัก จิตใจดี พอตอนจบก็เหมือนหักอกเราเล่นๆ เลยค่ะ เหมือนหลอกให้พวกเรารักตัวละคร แล้วก็...นั่นแหละค่ะ ถ้าใครเคยดูหนังหรือเคยอ่านหนังสือแล้วก็คงเข้าใจเนอร์ส ส่วนถ้าใครยังไม่เคยลอง ไปลองดูลองอ่านกันนะคะ คุ้มค่าแก่เวลาที่เสียไปแน่นอนค่ะ



My Favourite Moment: Chapter 6-The Overpaid Maid, Page 60

     'So you don't like it here then?' asked Bruno.
     Maria frowned.  'It's not important' she said.
     'What isn't?' 
     'What I think'

     'Well, of course it's important' said Bruno 'You're part of the family, aren't you?'


น้องงงงง ทำไมน่ารักขนาดนี้ แง



คะแนนความยากของภาษาที่ใช้: 4/10
Reason:

         ความจริงคำศัพท์ไม่ยากมากค่ะ เพราะว่าเล่าเรื่องในมุมมองของเด็กด้วย ส่วนใหญ่เลยเป็นศัพท์ทั่วไป สำหรับเนอร์สคือหน้านึงจะมีศัพท์ที่ไม่รู้แค่ 1-2 คำเองค่ะ บางหน้าก็ไม่มีเลย แต่ก็อาจจะเจอโครงสร้างประโยคที่ซับซ้อนเข้าใจยากบ้าง เนื่องจากเป็นการเล่าเรื่องสงครามเนอะ และอีกส่วนนึงเนอร์สว่าน่าจะเป็นความตั้งใจของคนเขียนค่ะ ที่ตั้งใจสื่อสารผ่านตัวเอกที่เป็นเด็กทำให้น้องยังเรียบเรียงประโยคได้ไม่สละสลวยนัก

         ระดับคำศัพท์น่าจะอยู่ในช่วง Low Intermediate ค่ะ ตัวอย่างศัพท์ยากเช่นคำว่า summon, ointment, disdain, courtesy, distaste, triumphantly ประมาณนี้ค่ะ แต่ว่าสามารถเสิร์ชหาความหมายได้ในกูเกิ้ลเลยค่ะ หรือถ้ามีส่วนไหนสงสัย มาคอมเม้นถามเนอร์สได้นะคะ


เนอร์สมีหน้าที่ประทับใจเยอะมากๆ มาลองอ่านกันค่ะ


       สุดท้ายนี้ เนอร์สก็ขอขอบคุณผู้ที่อ่านมาจนจบเหมือนเดิมนะคะ เป็นบล็อคที่เนอร์สตั้งใจบันทึกไว้อ่านเอง แต่เล่มที่ผ่านๆ มามีคนอ่านเกินร้อยตลอดเลย ดีใจมากๆ ขอบคุณนะคะ แล้วเจอกันเมื่อเนอร์สอ่านเล่มหน้าจบนะคะ ถ้าอ่านจบเร็วอาจจะได้รีวิวภายในปีนี้ค่ะ 😊💓